วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2559

บทที่ 7 การพัฒนาระบบสารสนเทศ

วิธีการพัฒนาระบบ
การพัฒนาระบบสารสนเทศ  หมายถึง  การสร้างระบบใหม่ หรือปรับเลี่ยนระบบงานเดิมให้สามารถทำงานได้ตามต้องการ วิธีการพัฒนาระบบสารสนเทศมีหลายรูปแบบได้แก่

1. วิธีพื้นฐานในการพัฒนาระบบ สามารถจำแนกได้ 4 วิธี คือ
1.วิธีเฉพาะเจาะจง ( Ad Hoc Approach )
1.2  วิธีสร้างฐานข้อมูล ( Database Approach )
1.3  วิธีพัฒนาจากล่างขึ้นบน ( Bottom-up Approach  )
1.วิธีพัฒนาจากบนลงล่าง ( Top-down Approach )

2. วงจรการพัฒนาระบบหรือ เอสดีแอลซี ( System Development Life Cycle : SDLC )  เป็นที่นิยมใช้ในองค์กรส่วนใหญ่ แบ่งขั้นตอนการพัฒนาระบบออกเป็นขั้นตอนต่างๆ เหมาะสำหรับระบบงานที่มีขนาดใหญ่ สามารถกำหนดความต้องการของระบบอย่างชัดเจน ข้อเสียของวิธีนี้คือมีต้องใช้บุคลากรเป็นจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายสูง ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง ประกอบไปด้วยระยะต่างๆ ดังนี้
2.การวางแผนโครงการ ( Project Planning )
2.การวิเคราะห์ ( System Analysis )
2.การออกแบบ ( System Design )
2.การนำไปใช้ ( Implementation )
2.การบำรุงรักษา ( System Maintenance )




3. โมเดลน้ำตก ( Waterfall Model การพัฒนาในรูปแบบของโมเดลน้ำตกจะมีลักษณะคล้ายกับวงจรการพัฒนาระบบ โดยทั่วไปแล้วจะประกอบด้วย 6 ขั้นตอน มีดังต่อไปนี้
3.การกำหนดและเลือกโครงการ ( System Identification and Selection  )
3.การเริ่มต้นและวางแผนโครงการ ( System Initiation and Planning )
3.3  การวิเคราะห์ระบบ ( System Analysis )
3.การออกแบบระบบ ( System Design )
3.การนำไปใช้ ( System Implementation  )
3.การบำรุงรักษาระบบ ( System Maintenance)



4. Incremental Model   เป็นโมเดลที่พัฒนาขึ้นมาจากโมเดลน้ำตก โดยแบ่งงานแต่ละส่วนออกเป็นงานย่อยๆ และพัฒนาทีละส่วน ตามขั้นตอนของโมเดลน้ำตก เพื่อลดความผิดพลาดของการทำงาน ให้มีการทดสอบทุกๆ โมดูล และทุกขั้นตอนการทำงานมากขึ้น ข้อดีของวิธีนี้คือเจ้าของระบบสามารถเห็นความก้าวหน้าของการพัฒนาระบบได้ชัดเจน และสามารถแก้ไขทีละส่วนได้

5. Built and Fix Model   ในปัจจุบันจึงใช้กับการพัฒนาระบบขนาดเล็กที่ไม่ซับซ้อน และไม่ส่งผลกระทบกับงานอื่นๆ

6. โมเดลขดรวด ( Spiral Model เป็นการพัฒนาระบบแบบวนรอบ เพื่อให้มีความรวดเร็วโดยเริ่มจากแกนกลางเมื่อพัฒนาสำเร็จ จะมีการพัฒนารุ่น ( Version ) ต่อๆ ไป เพื่อให้ดีขึ้นเป็นลำดับ

7. วิธีต้นแบบ ( Prototype การพัฒนาระบบด้วยวิธีต้นแบบมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการพัฒนาด้วยวิธีเอสดีแอลซี ระบบจะมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ทำให้การจัดทำเอกสารประกอบการใช้ระบบถูกละเลย

8. วิธีการพัฒนาระบบอย่างรวดเร็ว ( Rapid Application Development : RAD ข้อเสียของวิธีการนี้คือระบบอาจไม่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และอาจละเลยต่อเอกสารประกอบระบบได้ เนื่องจากการใช้เวลาอันสั้นในการพัฒนา

9. Join-Application Design : JAD  คือ การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ร่วมกันระหว่างบุคคลในองค์การและผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี มีจุดมุ่งหมายคือการใช้เวลาที่สั้น และทำให้งานมีความสมบูรณ์มากที่สุด อาจมีการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อหาแนวทางในการพัฒนา และพัฒนาระบบร่วมกัน

10. วิศวกรมซอฟต์แวร์ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยหรือเคส ( Computer-aided Software Engineering : CASE การออกแบบวิธีนี้จะช่วยให้การสร้างต้นแบบของระบบง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น แต่การวิเคราะห์ต่างๆ ผู้ใช้จะต้องเป็นผู้วิเคราะห์เอง และซอฟต์แวร์ยังมีราคาสูง

11. การซื้อโปรแกรมสำเร็จรูป ( Application Packages ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเป็นโปรแกรมที่ทดสอบมาแล้วว่าสามารถใช้งานได้อาจใช้วิธีการเช่า เช่าซื้อ หรือซื้อ

12. Ration Unified Process (RUP)
12.1 Inception   กำหนดขอบเขตของงาน
12.2 Elaboration  สร้างข้อกำหนดพื้นฐานของงาน
12.3 Construction  การพัฒนาระบบ
12.4 Transition  นำไปใช้ จัดทำคู่มือ

13. การพัฒนาระบบสารสนเทศโดยผู้ใช้ ( End-user Computing การพัฒนาระบบสารสนเทศในรูปแบบนี้เหมาะสำหรับระบบที่มีขนาดเล็กเฉพาะงาน ต้องการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของผู้อื่น สามารถดูแลรักษาได้ด้วยตนเอง

การวางแผนโครงการ ( Project Planning )
1.        กำหนดปัญหา
1.1     การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอก
1.2     การศึกษาปัญหาภายในองค์การ
2.        ศึกษาความเป็นไปได้
2.1     ความเป็นไปได้ด้านเทคนิค
2.2     ความเป็นไปได้ด้านการปฏิบัติงาน
2.3     ความเป็นไปได้ด้านระเบียบกฎเกณฑ์
2.4     ความเป็นไปได้ด้านระยะเวลา
2.5     ความเป็นไปได้ด้านการเงิน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น